วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ตูลูช

                                                                        ตูลูช
              ตูลูซ (ฝรั่งเศส: Toulouse) อยู่ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส เป็นเมืองหลวงแห่งแคว้นมีดี-ปีเรเน ติดกับประเทศสเปน แต่มีพรมแดนธรรมชาติคือเทือกเขาพิเรนีสคั่นไว้ แม่น้ำที่สำคัญของตูลูซ คือ แม่น้ำการอน (La Garonne) และสถาปัตยกรรมของเมืองมักก่อด้วยอิฐสีส้ม ทำให้เมืองนี้ได้ชื่อว่า La ville rose (เมืองสีชมพู) ตูลูซมีสนามบินของตนเองคือ ท่าอากาศยานบลาญัก (Blagnac) และยังเป็นเมืองแห่งศูนย์กลางอุตสาหกรรมประกอบเครื่องบิน รวมทั้งมีโรงงานผลิตเครื่องบินแอร์บัส (Air Bus) ด้วยเช่นกัน


File:Montage Toulouse 2.jpg
 
 

                                ตูลูส เมืองสีชมพู ถิ่นกำเนิดแอร์บัส

         ครั้งแรกที่ได้รับคำเชิญจากสายการบินไทยแอร์เอเชีย ให้ร่วมเดินทางไปเยี่ยมชมโรงงานประกอบเครื่องบินแอร์บัส ที่เมืองตูลูส (Toulouse) ประเทศฝรั่งเศส ในโอกาสที่สายการบินไทยแอร์เอเชีย สั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส A320 เครื่องใหม่ป้ายแดงยกฝูง 40 ลำ เพื่อนำมาให้ บริการคนไทย
หลังทนนั่งหลังขดหลังแข็งอยู่บนเครื่องบินนานกว่า 10 ชั่วโมง เราก็ลัดฟ้ามาถึงเมืองตูลูส เมืองใหญ่อันดับ 4 ของดินแดนแห่งน้ำหอมและแฟชั่น แรกที่ได้สัมผัส ยอมรับว่าผิดคาดจริงๆ เมืองตูลูสไม่มีสภาพของเมืองอุตสาหกรรมให้เห็นแม้แต่นิดเดียว ทั้งที่เมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอากาศยาน นอกจากจะมีโรงงานประกอบเครื่องบินของแอร์ บัสแล้ว ที่นี่ยังเป็นศูนย์การศึกษาอวกาศแห่งชาติ (Centre National d'Etudes Spatiales) รวมทั้งมีบริษัทสร้างดาวเทียมธีออสตั้งอยู่อีกด้วย


 
 
         เมืองตูลูส เป็นเมืองหลวงของแคว้นมีดิ-ปิเรเน่ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส สภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นที่ราบสลับเนินเขา อากาศอบอุ่นแบบเมดิ-เตอร์เรเนียน ไม่หนาวเหน็บเหมือนตอนเหนือ แม้จะเป็นเมืองใหญ่แต่ ก็ไม่แออัด ผู้คนตั้งบ้านเรือนกระจายกันอยู่ทั้งในเขตเมืองชั้นใน เขตเมืองชั้นนอก และเขตชนบท ซึ่งส่วนใหญ่ยังยึดอาชีพเกษตรกรเป็นหลัก โดยในเขตตัวเมืองชั้นใน ตึกรามบ้านช่องนิยมก่อสร้างด้วยอิฐดินเผาแบบโบราณสีแดงก้อนโตๆ เหตุนี้เองทำให้ เมืองตูลูสได้รับสมญาว่า “เมืองสีชมพู” (Ville Rose) ยิ่งยามเย็นพระอาทิตย์ใกล้ตกดินจะเห็นได้เด่นชัดว่าเมลืองมลังด้วยแสงสีชมพู อาคารส่วนใหญ่จะเน้นสถาปัตย-กรรมสไตล์ฝรั่งเศส โดยเฉพาะยุคเรอเนสซองส์ แต่ละหลังมีความสูงเพียงไม่กี่ชั้น ไม่มีตึกสูงๆระเกะระกะตาให้ เห็น เขตเมืองชั้นในนี้มองเผินๆคล้ายนครปารีสที่เป็นเมืองหลวงเช่นกัน
ประชากรที่นี่มีอยู่ราวๆ 1 ล้านคนเท่านั้น และมีความหลากหลายทางเชื้อชาติ นอกจากคนฝรั่งเศสแท้แล้ว ยังมีชาวแอลจีเรีย แอฟริกัน มุสลิม ซิกข์ รวมทั้งคนเอเชีย จีน ไทย และลาว อยู่รวมกันอย่างสงบสุข คนตูลูสเป็นคนสบายๆ ยิ้มง่าย ไม่ค่อยซีเรียส สภาพเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ในขั้นดี
วิถีชีวิตผู้คนก็ไม่เร่งรีบมากนัก เช้าก็ไปเรียน ไปทำการทำงาน พอตกบ่ายทั้งวัยรุ่นหนุ่มสาวและคนทำงาน จะพากันมานั่งจิบน้ำชา กาแฟ ซดเบียร์ พูดคุยสรวลเสเฮฮากันตามร้านอาหารในย่านจัตุรัส “ปลาซ ดู กาปิตอล” (Place du capitole) ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง หรือไม่ก็เดินช็อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมดังๆ ระดับโลกในย่านนั้นกันอย่างสบายอารมณ์ ถึงจะไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวชั้นนำของฝรั่งเศส แต่เมืองตูลูสก็มีของดีไว้ อวดแขกบ้านแขกเมืองกับเขาเหมือนกัน ยิ่งคนที่ชอบด้านศิลปะและสถาปัตยกรรมด้วยแล้วห้ามพลาดเมืองนี้เด็ดขาด


    สถานที่แรกที่ควรไปเยี่ยมชมคือ “โบสถ์แซงต์ แซร์แนง” (La Basilique Saint Sernin) ที่มีชื่อเสียงก้องโลก สร้างขึ้นราวคริสต์ศตวรรษที่ 11-12 ศิลปกรรมโรมันเนสก์ โบสถ์หลังนี้มีประวัติความเป็นมายาวนาน ถูกทำลายครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยน้ำมือข้าศึกผู้รุกราน แต่ชาวเมืองก็ต่อสร้างเสริมขึ้นใหม่เรื่อยๆ จุดเด่นคือยอดโดมหรือหอคอย ที่มีความสูงมากกว่าตึก 10 ชั้น สมัยก่อนใช้เป็นที่เฝ้าดูข้าศึกที่จะเข้ามาโจมตีเมือง ภายในตัวโบสถ์โอ่อ่าอลังการ จุคนได้นับพันคน บรรยากาศเข้มขลังปนลึกลับ พาลให้นึกถึงหนังเรื่อง “รหัสลับดาวินซี” แต่พอคุ้นสักพักก็ทำให้จิตใจสงบสุขได้อย่างประหลาด
อีกสถานที่หนึ่งที่ห้ามพลาด “โบสถ์แซงต์ เอเตียง” (Saint-Etienne Cathedral) ตั้งอยู่ในเขตตัวเมืองตูลูสเช่นกัน แม้จะมีขนาดเล็กกว่าโบสถ์แซงต์ แซร์แนง แต่ก็มีความสวยงามและมีประวัติน่าสนใจไม่แพ้กัน โบสถ์แซงต์ เอเตียง เริ่มก่อสร้างในยุคจักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ และมีการปรับปรุงเรื่อยมา ภายในโบสถ์จะมีกระจกสี (Stained glass) บอกเล่าเรื่องราวในพระคัมภีร์ไบเบิล ประดับประดาอยู่ตามบานหน้าต่างของตัวโบสถ์ ถือเป็นจุดเด่นของโบสถ์สไตล์โกธิค

 
        เมืองตูลูสมีดอกไม้ประจำถิ่น ชาวเมืองเรียกว่า “ไวโอเลต เดอ ตูลูส” ลักษณะเป็นดอกเล็กๆ สีม่วง คล้ายดอกดุสิตา ซึ่งเป็นกล้วยไม้ดินชนิดหนึ่งในบ้านเรา จะเบ่งบานชูช่อในราวเดือนพฤศจิกายน ว่ากันว่าช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่เมืองตูลูสสวยงามที่สุด เพราะนอกจากจะอากาศดีแล้ว ยังมีสีสันของดอกไม้มาช่วยแต่งแต้มความงามให้กับเมืองเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ชาวตูลูสนิยมเก็บดอกไม้ชนิดนี้มาทับให้แห้ง ทำเป็นของที่ระลึก อาทิ ที่คั่นหนังสือ หรืออาจนำไปแปรรูปเป็นชา หรือผสมกับน้ำตาลทรายให้เป็นสีม่วง ขายให้นักท่องเที่ยว
เที่ยวชมเมืองตูลูสจนหนำใจแล้ว ถ้าใครมีเวลาก็ไม่ควรพลาด ขับรถเลยจากตัวเมืองตูลูสไปราว 90 กิโลเมตร ก็จะถึงเมืองโบราณที่มีชื่อว่า “เมืองคาร์คาซอน” (Carcasonne) สร้างขึ้นสมัยโรมันเรืองอำนาจ ใน ค.ศ.453 จากนั้นมีการก่อสร้างเพิ่มเติมในยุคต่อๆมาอีกหลายสมัย กระทั่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ.1997

        เมืองนี้มีความแปลกเนื่องจากตัวเมืองตั้งอยู่ในกำแพงปราสาท ซึ่งมีชัยภูมิที่ดีเพราะอยู่บนเนินสูง มองเห็นข้าศึกได้แต่ไกล มีการก่อสร้างกำแพง คูคลอง และหอรบไว้พร้อมสรรพ จนกลายเป็นป้อมปราการขนาดใหญ่ที่ข้าศึกยากจะพิชิตได้ง่ายๆ ปัจจุบันถือเป็นเมืองโบราณที่ยังมีชีวิต เข้าไปเยี่ยมชมแล้วคล้ายย้อนกลับไปสู่ยุคกลางของยุโรป ภาพอัศวินนักรบสวมเกราะเหล็กหนักอึ้ง ถือทวนยาวเฟื้อยควบม้าวิ่งเข้าต่อสู้กัน ปรากฏให้เห็นเด่นชัดขึ้นในจินตนาการทันที หากใครเคยชมภาพยนตร์เรื่อง “โรบินฮูด” ภาคที่มี “เควิน คอสเนอร์” แสดงเป็นพระเอก ก็คงร้องอ๋อ เพราะฉากในหนังเรื่องนั้นส่วนใหญ่ถ่ายทำที่เมืองคาร์คาซอนแห่งนี้
หากใครมีโอกาสแวะไปฝรั่งเศส ลองไปเยี่ยมเยือนเมืองตูลูสบ้าง แล้วจะพบว่าฝรั่งเศสมีอะไรมากกว่าแหล่งช็อปปิ้ง แฟชั่นเสื้อผ้า และน้ำหอม เพราะ ตูลูสอบอุ่นเกินกว่าที่คิด ไปเยือนแล้วอาจทิ้งหัวใจไว้ที่นั่นก็ได้.